เที่ยวสิงคโปร์ฉบับคนวัย 30 ที่ปวดหลังง่าย –

เที่ยวสิงคโปร์ฉบับคนวัย 30 ที่ปวดหลังง่าย –

สวัสดีเพื่อนๆ ชาวพันทิปค่ะ วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์การไปเที่ยวสิงคโปร์ ด้วยตนเอง

เที่ยวสิงคโปร์ฉบับคนวัย 30 ที่ปวดหลังง่าย –

อยากให้เพื่อนๆได้อ่านเพลินๆ รวมทั้งแสดงความเห็นสำหรับท่านอื่นๆที่มีแผนจะไปเที่ยวสิงคโปร์ค่ะ

เราได้ไปมาช่วงกลาง กันยายน 2024 ก่อน F1 เริ่มพอดี

เที่ยวสิงคโปร์ฉบับคนวัย 30 ที่ปวดหลังง่าย -

เที่ยวสิงคโปร์ฉบับคนวัย 30 ที่ปวดหลังง่าย –

เกริ่นก่อนว่า เราเป็นผู้หญิงวัยใกล้ 30 ไม่ได้ออกกำลังกายเลย ความอึดก็จะน้อยมาก

ใครคุณสมบัติแบบเราก้อปแพลนได้เลยค่ะ 55555

เพื่อนร่วมเดินทางคือคุณแม่วัย 60 แต่ว่าแข็งแรงกว่าเรา ซะงั้น

สายการบิน

เราเป็นชนชั้นกลาง รายไดไม่มาก แต่ไลฟ์สไตล์ลูกคุณหนู ไม่ทนลำบากขนาดนั้น

ตัวเลือกของเราจบที่

Scoot

ไป 3 วัน เสาร์ถึงจันทร์ บินเช้า กลับเย็น ขึ้นที่สุวรรณภูมิ ถือสัมภาระขึ้นเครื่องได้ 10 กิโลกรัม เราไม่ซื้อน้ำหนักโหลดเพิ่มค่ะ

ไม่ค่อยแต่งตัว สายชิว แค่อยากไปดูบ้านเมืองเขา เกิดมา 30 ปี ไม่เคยไปสิงคโปร์เลย แม้จะใกล้มาก

ตกคนละประมาณ 5,500 บาท

โรงแรม

เราจองผ่าน agoda เลือกย่าน Chinatown เพราะคิดว่าของกินเยอะ กองทัพเดินด้วยท้อง

สรุปจบที่

Hotel Mono

2 คืน ประมาณ 10,000 บาท ห้องกว้างสะอาด เตียงใหญ่มากก (ลืมถ่ายรูป)

– ห้องน้ำ ในห้องไม่มีที่ฉีดก้น แต่ตรง Lobby มีค่ะ

– มีปลั้กแบบที่ปลั้กไทยเสียบได้ (2รูแบน ขนาน type A)

– ใกล้ วัดพระเขี้ยวแก้ว, วัดแขก, Maxwell food center, Hawker Chan ในระยะเดินไหวชิวๆ

จองล่วงหน้า

อันนี้คงเคยได้ยิน แอพ

Klook

ถ้าวางแผนแล้วว่าจะไปอะไรแน่ๆ ซื้อไปก่อนก็สะดวกมาก เปิด barcode สแกนเข้าได้เลย

แต่เนื่องจากเราแรงน้อย ไม่แน่ใจว่าจะไปกี่ที่ เลยจองล่วงหน้าไปแค่

Universal Studio Singapore

ที่เดียวค่ะ 55555

ก็ตกคนละ 1,900 นิดๆ

กรอก SG Arrival Card

https://www.ica.gov.sg/enter-transit-depart/entering-singapore/sg-arrival-card

กรอกได้ 3 วันก่อนวันเดินทาง

เงิน

– เรามีบัตร Youtrip ก็เลยไม่ได้เงินสดไปเยอะนะคะ ร้านส่วนใหญ่แตะจ่ายได้ไม่เสียค่าธรรมเนียม

สมัครฟรี ไม่ได้ใช้เอกสารอะไร สมัครออนไลน์ บัตรส่งถึงบ้านดีมากกกกก

– เงินสดแลกไปประมาณ 5,000 บาทไทยค่ะ เหลือๆ

ไปกันเล้ยยยยยยย

Day1 Changi Airport – Singapore flyer

>> เที่ยงๆ ก็ถึง สนามบิน Changi Airport ของสิงคโปร์ค่ะ สนามบินมี 4 Terminal นะคะ เชื่อมด้วย บัส/รถไฟฟรี

Scoot ลง Terminal 1 (ซึ่งติดกับห้าง Jewel (ที่มีน้ำพุ) เดินเข้าได้เลย )

เดินลงเครื่องมา ขาเข้า ขาออก อยู่รวมที่เดียวกันหมดค่ะ ดูป้ายดีๆ เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ

จะเจอเครื่องอัตโนมัติ ตม. กรอก SG Arrival Card มาแล้วก็สแกน passport ละก็ไปได้เลยค่ะ อย่างชิว ไวมาก

>> หิวแล้ว กว่าจะเข้าถึงในเมืองก็ชั่วโมงนึง กินข้าวเลยละกัน

เรากินร้าน

So Pho

ในห้าง Jewel

ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อหอม อร่อยแล้ว เจอช้าวผัดไป คือที่สุดของที่สุด สิงคโปร์ข้าวผัดอร่อยหลายร้านเลยค่ะ

เหนือความคาดหมาย

อิ่มแปล้ จำราคาไม่ได้ ไปแวะถ่ายรูปกับน้ำตกสักหน่อย

โอเค ไปกันต่อ เอาล่ะต้องเข้าเมือง เราเลือกไปรถไฟฟ้า

ตอนนี้อยู่ Terminal 1 ต้องไป Terminal 2 หรือ 3 เพื่อไปขึ้น รถไฟเข้าเมืองค่ะ

ก็เดินวนๆงงๆ จนเจอ จริงๆก็เดินตามป้าย Train to City ไปเรื่อยๆค่ะ  พอถึงตอนนี้จะเริ่มร้อนออกนอกแอร์แล้ว

->> การเดินทาง เราเปิด

Google Map

เป็นครั้งๆไปค่ะ ไม่ได้ทำแพลนมาแน่นขนาดนั้น เพราะขี้เกียจ อิอิ

แวะไป check in ที่โรงแรม Hotel Mono ค่ะ บ่ายสามพอดี

เดินไปเดินมาเหนื่อยแล้ว นอนพักก่อน

>> บ่ายๆ ออกไป Singapore Flyer ค่ะ

กดจอง ผ่าน Klook ก่อนออกจากโรงแรม คนละ ประมาณ 880 บาท

ก่อนขึ้นจะมีส่วนของพิพิธภัณฑ์ Time capsule ประวัติของประเทศสิงคโปร์ค่ะก็เดินชม เพลิน ๆ

มาขึ้นตัว Singapore Flyer หรือเรียกบ้านๆว่า ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ ชมวิวค่ะ เป็นแคปซูลแอร์นะคะขนาดกว้างขวาง

เขียนไว้ว่าจุได้ประมาณ 15 คน ตอนเราไปทัวร์ยังไม่ลง เลยมีแค่ 4 คน กับคุณป้าฝรั่ง2คน ไปตอนบ่ายแอบแดดส่อง

บวกกลัวความสูงนิดๆ เลยนั่งที่นั่งเป็นส่วนใหญ่ รอบละ 30 นาทีค่ะ

>> เหนื่อยละ ไปหามื้อเย็นทานดีกว่า กะว่าไปห้าง Suntec City เดินไปเรื่อยๆ กินข้าวชิวๆ สรุป คน เยอะ มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

คงอารมณ์บ้านเราที่อากาศร้อน คนเลยรวมตัวกันในห้าง ร้านอาหารมีคิวยาวทุกร้าน ขนาดร้านที่ไทยบ้านๆอย่าง Dookki, Sukiya ก็คิวยาว

งงกับ Dookki มากคือเราก็ชอบกินที่ไทย แต่ไม่นึกว่าจะคิวเยอะขนาดนี้ที่สิงคโปร์

สรุปได้กินแค่ ร้าน

Yakun Kaya Toast

ร้านดัง แต่มันเป็นอาหารเช้า เลยคนน้อย แต่ไหนๆก็ไหนๆ ลองสักหน่อย

พนักงานหน้าบูดมาก คือเค้าจ้างคนน้อย ทำทุกอย่างเลย รับออเดอร์ ชงชา ทำไข่ ก็พอเข้าใจได้ แต่ถ้าใครเคยไปญี่ปุ่น อย่าไปคาดหวังแบบนั้น

ไม่คาดหวังไม่ผิดหวังค่ะ 55555

ก็อ่านวิธีมา เขาให้จิ้มขนมปังไปกับไข่ลวกก็โอเคแปลกใหม่ดี เราเลือกขนมปังแบบมีเนยก้อนวางตรงกลาง อร่อยค่ะ ชาก็ไม่หวานมากกำลังดี

ถอยทัพกลับออกมาจากห้าง กะว่าไปซบ อก ย่าน Chinatown ละกัน สรุปร้านดังๆที่เซฟไว้ คนเยอะมากทุกร้าน (วันเสาร์เย็นด้วยล่ะ วันกินดื่ม)

เลยเดินมั่วๆไปกินร้านอาหารจีนร้านหนึ่ง ชื่อ

Dong Bei Ren Jia

อร่อยเลยค่ะให้เยอะด้วย

สั่งมาสองอย่าง ปลาต้มผักกาดดอง กับ เต้าหู้เสฉวนสักอย่าง

ปลาให้เยอะมากกกกกกกกกกกกกก ใต้น้ำซุปนั้นมีเนื้อปลาซ่อนอยู่มากมาย ต้มผักกาดดองไม่เหม็นเลย ซดคล่องคอ อิ่มแบบร้องขอชีวิต

ราคาไม่แพงแต่ก็จำไม่ได้ 55555 ปลาเหมือนจะชามละ600กว่าๆ ถูกกว่าเมนูนี้ที่ไทย

จบวันพอละ เข้ามานอน เปิดทีวี เจอละครมาฉาย มีหน้าคุณกัปตัน/ ป้อง แต่เรื่องอะไรไม่รู้ไม่เห็นคุ้นเลย เราก็คอ ละครนะ

Day 2 Universal Studio Singapore – Sri Mariamman Temple – Buddha Tooth Relic Temple – Spectra A Light and Water Show

ตื่นนอนแบบชิวๆ เดินไปกินข้าวเช้าที่ Maxwell food center จะไปกิน Tian Tian ช้าวมันไก่ เปิด 10โมง เลยออกจากโรงแรมประมาณ 9.30น.

>> ระหว่างทางเดินผ่าน 2 วัด

(1) วัดแขก Sri Mariamman Temple เราก็ถ่ายร๔ปดูสถาปัตยกรรมแปลกตา 5นาที ไม่ได้เข้าไป ทัวร์ชะโงกประหยัดพลังงาน

(2) วัดพระเขี้ยวแก้ว Buddha Tooth Relic Temple อันนี้ก็ถ่ายรูปเฉยๆเหมือนกัน เพิ่งไปฮ่องกงมา มูอย่างดุเดือด ไม่ถูกหวยหกงวดติด เลยหายอินไปก่อน

ใครสนใจเข้าไปไหว้ขอพรก็ลองเสิชวิธีในกูเกิ้ลดูค่ะ

<< ถึงแล้ว Maxwell Food Center ไปประมาณ 9.50น.

Tian Tian Hinanese Chicken Rice

มีคนต่อแถวอยูแล้วประมาณ 15คนได้เราก็ไปต่อเพิ่มอย่างมีความหวังเพราะมีรีวิวในกูเกิ้ลโม้ไว้ว่า แม้คิวยาว600เมตร ถึงคิวใน5นาที นี่ก็โม้แม่ไว้เยอะ คือมันก็ไว แต่ไม่ได้ใน 5นาทีแน่ๆ ขี้โม้ววว 55555

สั่งมาสองแบบ ข้าวมันไก่ต้ม กับย่าง จานละประมาณ 150 บาท ของแท้ต้องไม่แถมน้ำซุป (ป้ายจะสีน้ำเงินๆหลายร้านอยู่)

เราว่าย่างอร่อยกว่า ปริมาณเนื้อไก่ก็ดีหนานุ่ม แต่น้ำจิ้มของไทยแซ่บกว่า กินแล้วอย่าลืมเอาถาดไปวางที่เก็บ เดี๋ยวจะโดนปรับตังค์ค่า

คนเยอะ แต่โต๊ะก็เยอะ หมุนเวียนนั่งกันไปเพียงพอค่ะ

ท้องอิ่มแล้ว ไป Universal Studio กันต่อ

เนื่องจากอยากลองใช้ขนส่งสาธารณะหลายๆแบบ ก็เลยกด Google ขึ้นรถเมล์ไปค่ะ

ใช้บัตรเครดิต ที่มีสัญลักษณ์ Contactless (wifi ตะแคงข้าง) แตะได้เลย

รีวิว รถเมล์

– ต้องโบก เหมือนรถเมล์ไทย ไม่ได้จอดทุกป้าย

– ดังนั้นเวลาจะลงต้องกดกริ่งด้วย

– จับดีๆ ขับซิ่งอยู่ เบรกก็เอี้ยดดดดดด

– คุยกันแซ่บอยู่ ดังลั่นรถเวลาคนเยอะๆ

– แตะบัตรตอนขึ้น

และ

ลง (อย่าแบบแม่เราลงไปลิ่ว ต้องรีบเรียกกลับมา555)

ถึงแล้วค่ะ

Universal Studio Singapore

เราซื้อผ่าน Klook มาแล้วก็สแกนบาร์โค้ดให้แม่เดินเข้าไปก่อนแล้ว เราก็สแกนของเราเข้า เราไม่ซื้อ Express ค่ะ

สายชิวรอได้ และก็ขี้กลัว ไม่ได้เล่นอันที่น่ากลัวเท่าไหร่ สำหรับ

คนขี้กลัว

เหมือนเราแนะนำเล่นตามนี้ค่ะ

เรียงจากเสียวน้อยไปเสียวมาก

Lights, Camera, Action! Hosted by Steven Spielberg

: โชว์จำลอง effect ถ่ายหนัง ทำดีค่ะ สนุกตื่นตา

Treasure Hunters

: ประมาณขับรถคุณปู่ ไปตามรางละมีสิ่งต่างๆให้ดูข้างทาง

Potion Factory

: ซ่อนอยู่ในร้านค้า ใกล้ๆ Shrek เป็นชิงช้าสวรรค์จิ๋วๆ คิวไม่ยาว พอให้ได้หวิวๆท้อง

Shrek 4D Adventure

: เป็นแบบนั่งในโรงใส่แว่นตา 4D ละเก้าอี้เขย่าๆลอยได้ มี effect ออกมา สนุกค่ะ

Sesame Street Spaghetti Space Chase

: นั่งยานละลอยๆไป สีสันสดใสน่ารักค่ะ

Accelerator

: นั่งในถ้วยละหมุนๆๆๆๆ เหวี่ยงๆ เหมือนไม่เสียว แต่ก็เสียวหน่อยๆ

Dino-Soarin

: นั่งไดโนเสาร์ละหมุนๆ กดปรับความสูงได้ แต่กลัว เลยบินเตี้ยๆ พนักงานพยามตะโกนบอก แต่เราตีมึน 5555

Puss In Boots’ Giant Journey

: อันนี้คืออ่านรีวิวเขาบอกดีมาก เป็นอันที่ห้ามพลาด ก็เลยทำใจนานมากกว่าจะขึ้น คือดีจริง สวยงามทำดี

แต่หวาดเสียวอะขี้กลัว ฮือ

เรากรี้ดแตก แม่เคยมาแล้วทีนึงเลยเดาได้ไม่กลัวมาก

( Potion Factory )

สำหรับใครเป็นเทพ อยากเล่นแบบสุดชีวิต แม่เราแนะนำ

Revenge of the Mummy

โดนน้องเราหลอกเข้าไปแบบไม่คิดว่าจะน่ากลัวขนาดนั้น

ดีแม่ไม่หัวใจวายตาย ชีวิตตตต

ก่อนกลับแวะซื้อ

Llao Llao

เดินออกจากประตู Universal Studio ราดซอส Pistachio คือที่ (ที่หนึ่งในใจ)

เละๆหน่อย พนักงานเฝ้าร้านคนเดียว หน้าตาดูหมดใจมาก (อารมณ์เดียวกับ พนักงาน Yakun Kaya Toast )

เดินทางกลับ เลือกใช้รถไฟฟ้า หันมาเห็นแถวยาวๆๆๆๆๆ แถวอะไรน้า ….

แถวรอขึ้นรถไฟฟ้า !!! ช้อคมาก แต่เสิชกูเกิ้ลรถเมล์ละงงๆมันไม่เหมือนขามา เลยเอาวะ ไปต่อขยับๆไปเรื่อยๆ

ปรากฏว่ารถไฟฟ้าฟรี ! ยิ้มเลย Sentosa ไปลง ห้าง Vivo City แล้วไปต่อรถเมล์ หรือรถไฟฟ้าได้

>>ต่อตอน 2<<

ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตอนท้ายนี้