== The President’s Last Bang (2005) คืนเสียงปืนลั่น.. วันสังหารประธานาธิบดี!! == –
ค่ำวันที่ 26 ตุลาคม 1979 พักพร้อมผู้ติดตามและคนสนิทได้ร่วมรับประทานอาหารเย็นที่บ้านพักประธานาธิบดี (Blue House)
== The President’s Last Bang (2005) คืนเสียงปืนลั่น.. วันสังหารประธานาธิบดี!! == –
ขณะที่ร่วมรับประทานอาหารอยู่นั้น คิม แจ-กยู หัวหน้าหน่วยข่าวกรองกลางแห่งสาธารณรัฐเกาหลี
ได้เดินเข้ามาพร้อมปืนสั้น เขายิงชา จี-ชยู คนสนิทของพักจนเสียชีวิต
== The President’s Last Bang (2005) คืนเสียงปืนลั่น.. วันสังหารประธานาธิบดี!! == –
และเหยื่อรายต่อไปที่เขาจะลั่นไกสังหารก็คือประธานาธิบดีพัก จ็อง-ฮี….
The President’s Last Bang (ในชื่อเกาหลี: 그때 그사람들) ผลงานการเขียนบทและกำกับของ Im Sang-soo
เป็นภาพยนตร์ทริลเลอร์อิงประวัติศาสตร์ทางการเมืองเกาหลีใต้ในค่ำคืนแห่งความโกลาหลและการเปลี่ยนแปลง
เรื่องราวของลอบสังหารพัก จ็อง-ฮี ประธานาธิบดีคนที่ 3 ของเกาหลีใต้ ด้วยน้ำมือของเพื่อนตัวเอง..
ลูกน้องของเขาผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองเกาหลี คิม แจ-คยู
(ซึ่งหนังเรื่อง The Man Standing Next ก็เป็นอีกเรื่องที่เสนอในประเด็นนี้เช่นกัน)
เนื้อหาของหนังเกือบทั้งหมดมุ่งเน้นไปที่วันลอบสังหารประธานาธิบดีพัค วันที่ 26 ตุลาคม 1979
ในช่วงเวลาก่อนและหลังเหตุการณ์ไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งได้จำลองช่วงเวลาดังกล่าวได้เสมือนจริงมากทีเดียว
หากได้มีโอกาสชมภาพการทำแผนประกอบการสังหารซึ่งมีการสอบสวนในภายหลัง
เราจะได้เห็นประวัติศาสตร์การเมืองที่วุ่นวายในช่วงเวลานั้น ความไม่พอใจของประชาชนที่มีต่อประธานาธิบดี
ทั้งด้านของการตั้งหน่วยข่าวกรองที่มีหน้าที่กำจัดคู่แข่งทางการเมืองหรือผู้ที่มีความคิดต่อต้านรัฐบาล..
ความคิดที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเวลานั้นเกาหลีเพิ่งเป็นอิสระจากญี่ปุ่นได้ไม่นาน
ความเจ็บแค้นในใจของผู้คนชาวเกาหลีต่อญี่ปุ่นยังมีอยู่มาก
หนักไปกว่านั้นก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มอำนาจให้กับประธานาธิบดีได้อย่างเต็มที่
และฟางเส้นสุดท้ายคือมีการเพิ่มบทบัญญัติให้ประธานาธิบดีสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ตลอดไป
ซึ่งหมายถึงการยกเลิกการกำหนดวาระของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
เพื่อให้ตัวของพัคเองได้ดำรงตำแหน่งผู้นำของเกาหลีใต้ตลอดชีวิตนั่นเอง
ตัวของ คิม แจ-กยู หัวหน้าหน่วยข่าวกรอง (KCIA) ได้รับคำสั่งให้จัดการกับประชาชนที่ชุมนุมประท้วงรัฐบาลอย่างรุนแรง
ซึ่งพัก จ็อง-ฮี เชื่อมั่นว่ามาตรการที่รุนแรงเท่านั้นที่จะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้
รวมถึงประโยคที่ ชา จี-ชยู คนสนิทของพัค กล่าวระหว่างรับประทานอาหารเย็นในวันสังหารที่กล่าวไว้ว่า
“ที่กัมพูชาผู้นำของเขา (พล พต) ก็ฆ่าคนตายไปสองล้านกว่าคนเพื่อรักษาอำนาจ.. แล้วทำไมเราจะทำบ้างไม่ได้…”
คิม แจ-กยู ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงเพราะจะทำให้ประชาชนยิ่งไม่พอใจและการประท้วงจะไม่จบลงง่ายๆ
ตัวของเขาได้ร่วมมือกับบรรดาเพื่อนร่วมอุดมการณ์และวางแผนที่จะปฏิวัติด้วยการสังหารผู้นำคนนี้
โดยหวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย และความถูกต้องจะคืนกลับมา…
ช่วงเวลาหลังจากการสังหารคือความวุ่นวายและมีการชิงไหวชิงพริบชนิดห้ามกะพริบตา
หนังแม้จะเป็นการเมืองที่ดูหนักแต่ดูแล้วเข้าใจได้ยากครับ โดยที่ไม่จำเป็นว่าคุณต้องรู้เรื่องการเมืองของเกาหลีมาก่อน
(แต่ถ้ารู้บ้างก็จะสนุกมากยิ่งขึ้นแน่นอน) คือเอาจริงๆผมดูหนังเรื่องนี้เพราะว่ามันมีหนังเรื่องนึงเข้ามา
ชื่อเรื่องว่า 12 12 THE DAY (2023) หนังการเมืองเกาหลีฟอร์มยักษ์ซึ่งนำเสนอเหตุการณ์หลังวันสังหารประธานาธิบดี
การแก่งแย่งชิงดีที่จะนำไปสู่ผู้นำคนใหม่คนที่กุมชะตาชีวิตของคนเกาหลีใต้ต่อไปอีก 10 ปีหลังจากนั้นด้วยกัน
ดังนั้นเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ของลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมเลยเลือกดูหนัง The President’s Last Bang ก่อน
แล้วค่อยไปชม 12 12 THE DAY ทีหลัง ซึ่งผมมารีวิวต่อแน่นอน
(โดยจะเป็นรีวิวแบบไตรภาค 3 เรื่อง ซึ่งผมจะรีวิวในช่วงครบรอบวันที่เกิดเหตุการณ์จริงทั้งหมด)
ดาราระดับบิ๊กๆทั้งนั้น ซึ่ง Last Bang บอกเล่าเรื่องราวในวันนั้นได้ดี มีการเลือกใช้ฟุตเทจการชุมนุมของประชาชนในช่วงต้นเรื่อง
และฟุตเทจตอนท้ายหลังวันอสัญกรรมของผู้นำซึ่งทำให้ทุกอย่างดูสมจริงมากยิ่งขึ้น
คนเรามันขี่หลังเสือแล้วลงไม่ได้ง่ายๆ..ยิ่งต้องบอกเลยว่าคนเราถ้ามันเลือกเส้นทางเดินพลาด
แค่เพียงก้าวเดียว ชะตาชีวิตมันพลิกผันได้จริงๆ จากชัยชนะที่อยู่ตรงหน้ากลายเป็นพ่ายแพ้อย่างยับเยิน
และที่สำคัญเมื่อคุณพลาดแล้ว ก็ต้องยอมรับผลของการกระทำนั้นให้ได้ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม!!!
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===